คืบก็ป่า ศอกก็ป่า
เป็นคำที่คนโบราณสอนให้พวกเราจำไว้ตลอดเวลาในการเข้าป่า
นั่นคือถ้าไม่จำเป็นอย่าเข้า เพราะมีอันตรายมากมาย
แต่หากจำเป็นก็ต้องใช้ความระมัดระวังให้มากที่สุด เช่น
ห้ามหลอกกันว่าเสือมา
แกล้งตะโกนว่าหลงป่า เป็นต้น
ผมเองมีโอกาสเข้าป่าครั้งแรกก็คือไปอยู่ค่ายลูกเสือ
หลังจากนั้นก็เป็นการออกป่าที่แทบจะเรียกได้ว่าปลอดภัย
เช่นไปเที่ยวน้ำตก ไปเที่ยวดูธรรมชาติหินแปลกๆ
ภาพเขียนประวัติศาสตร์ ที่เป็นการอำนวยความสะดวกโดยกรมป่าไม้
ไว้แล้วแทบทั้งนั้น จึงหลงลืมคำเตือนของผู้หลักผู้ใหญ่
ที่ให้ไว้
เมื่อกลางปีที่ผ่านมา
ผมได้รับคำสั่งจากหน่วยเหนือให้เข้าไปสำรวจข้อมูลเกี่ยวกับประชากรที่หมู่บ้านแห่งหนึ่ง
ซึ่งการเดินทางต้องผ่านป่าเขาไปหลายลูก
แต่ถนนหนทางที่ไปนั้นเป็นถนนที่ลาดยางอย่างดี วิ่งได้ 2 เลน
เราที่ได้รับคำสั่งออกเดินทางไปกัน 3 คน
พวกเราคิดว่าเส้นทางอาจมีปัญหาได้ เราจึงใช้รถออฟโรด
สำหรับเรื่องอาหาร เราคิดว่าไม่น่าจะมีปัญหา
หากินได้สะดวกทั้งในหมู่บ้านและตลอดการเดินทาง
และคิดว่าเดินทางไปกลับก็ไม่เกิน4 วัน
ก็เลยไม่จัดเสบียงไปให้วุ่นวาย แต่อย่างไรก็ตาม
ผมเป็นคนที่ชอบกินกาแฟ ไข่ลวก ตอนเช้าๆ
ผมก็เลยซื้อไข่ไก่ติดไปด้วย 1 แผงใหญ่
พร้อมกับกาแฟและน้ำตาลเท่านั้น ไม่มีเสบียงอย่างอื่นติดไปด้วยเลย
เพราะฉะนั้นยิ่งอย่าถามเลยเรื่องว่ามีอาวุธอะไรติดมือไปบ้าง
ไม่มีแม้แต่มีดโกน
เราขับรถเข้าไปยังเป้าหมาย แต่เมื่อใกล้ถึงหมู่บ้าน
เราก็ไม่สามารถเดินทางต่อไปได้ เพราะทางขาด
เนื่องจากกระแสน้ำจากเขา
เราปรึกษากันว่าถ้าถอยหลังกลับก็คงกลับไปมือเปล่า
เราเองก็เตรียมรถที่วิ่งตัดไปในป่าได้ แม้จะไม่มีถนน
แต่ระยะทางก็ไม่ไกล ลุยกันไปเลยดีกว่า ไม่เกิน 2
ชั่วโมงเราคงเดินทางถึงหมู่บ้าน
การตัดสินใจของพวกเราในครั้งนั้นถือว่าเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดมาก
เพราะเมื่อเราเริ่มเอารถวิ่งเข้าไปในป่า รถไม่สามารถวิ่งได้ตรงๆ
เหมือนวิ่งบนถนน ต้องวกไปวนมาตามไหล่เขา ในที่สุด 2
ชั่วโมงผ่านไป เรารู้ได้ทันทีว่าเราหลงป่ากันแล้ว
หันไปทางทิศไหนก็ไม่แตกต่างกัน
กลับทางเดินหรือเดินหน้าต่อก็มีค่าเท่ากัน
คืนนั้นเรานอนกันบนรถ
อาหารนะหรือครับไข่ที่เตรียมไว้เป็นไข่ลวกของผมไงครับ
รุ่งขึ้นเราหาทางออกจากป่าทุกวิธี แต่ก็เหมือนเดิม
สิ่งที่ดีกว่าเมื่อวานก็คือเราเจอไร่ร้างของชาวบ้าน
ที่มีต้นมะละกอ 2
3
ต้นมีลูกขนาดกำปั้นอยู่ต้นละไม่กี่ลูก
ตั้งแต่นั้นมาอาหารหลักของเราก็คือ มะละกอผัดไข่
มะละกอลวกทุกมื้อ จนอีก 3 วันต่อมา ทั้งมะละกอและไข่ก็หมดลงไป
แต่โชคของเรายังไม่ร้ายจนเกินไปนัก
เราได้พบกับพรานป่าเข้าในเย็นวันหนึ่ง
ลุงอินแกเห็นควันไฟแกสงสัยก็เลยตามมาดู
แกเล่าให้เราฟังว่าที่ๆเราอยู่นี่ห่างจากหมู่บ้านระยะเดินทาง 3
วัน ซึ่งก็รับอาสานำเราไปส่งให้ถึงที่หมาย
ลุงอินแกเป็นพรานป่าอาชีพ
แกเล่าว่าสมัยก่อนแกล่าสัตว์หลายชนิด เดี๋ยวนี้แกล่าอยู่ 2
อย่างเท่านั้น คือล่าหมี กับหมูป่า แกบอกว่าป่าแถบนี้มีมาก
หาได้ทุกเดือนไม่เคยขาด พวกเรามองแกแบบไม่แน่ใจนัก
เพราะแกมีแต่ปืนแก๊ปเก่าๆเท่านั้นๆ แกคงจะเห็นว่าเราไม่เชื่อ
จึงชวนพวกเราไปนั่งห้างล่าสัตว์กับแกในตอนกลางคืน
พวกเราจึงเดินทางในเวลากลางวัน
ส่วนกลางคืนเราก็ไปนั่งห้าง
ในที่สุดของการหลงป่าของเรา
เราก็มองเห็นหมู่บ้านอยู่ลิบๆข้างหน้า แต่ว่าค่ำเสียก่อน
เราก็เลยต้องค้างคืนในป่าอีก 1 คืน
และก็เช่นเคยเราออกไปนั่งห้างส่องสัตว์
ทุกคืนที่ผ่านมาของการนั่งห้างเราไม่ได้สัตว์อะไรเลย
ทุกคืนผ่านไปมีแต่ยุงกับยุง
การนั่งห้างในคืนสุดท้ายก่อนที่เราจะเข้าไปถึงหมู่บ้าน
เราคาดหวังว่าน่าจะได้เจอหมีอย่างที่ลุงอินบอก
ไม่ใช่ต้องการยิงมันหรอกนะ แต่อยากจะเห็นว่าป่าแถบนี้มีหมีจริงๆ
แล้วในที่สุด เช้าของวันรุ่งขึ้นก็เป็นเช่นเดิม
ไม่มีสัตว์ใดเข้ามายังห้างเราแม้แต่ตัวเดียว
เมื่อมองเห็นอะไรต่ออะไรชัดแล้ว
ลุงอินแกก็เร่งให้พวกเราลงจากห้างโดยแกจะลงมาเป็นคนสุดท้าย
เมื่อพวกเราลงมาหมดแล้ว แกก็เอาปืนแก๊ปคู่ชีพสะพายบ่า
แล้วกำลังจะปีนลงมาจากห้าง พวกเราก็ได้ยินเสียงปืนดัง ปัง
พวกเราหันมองไปทางราวป่าทุกด้านอย่างไม่ได้นัดกันไว้
มันต้องมีสัตว์อะไรสักอย่างที่เสร็จลุงอินแน่ๆ
ลุงอินแน่จริงๆ
ยิงได้ยังไงขณะที่กำลังปีนลงมา
หมีรึเปล่า มีบางเสียงตะโกนถาม
อยู่ไหมลุงอิน
....................................................
....................................................
เงียบ เงียบสนิท ไม่มีเสียงใดเกิดขึ้น
ไม่มีแม้แต่เสียงสัตว์ หรือเสียงของลุงอิน
พวกเราจึงหันกลับไปมองที่ห้าง
แล้วพวกเราทุกคนก็แทบตกตะลึง
ร่างลุงอิน
นอนจมกองเลือดอยู่ใต้ห้างที่แกกำลังจะลงมานั้นเอง
ปืนแก๊ปที่คล้องไหล่ลุง
คงจะหลุดร่วงลงมา ในปืนเองก็บรรจ
กระสุน และดินขับเรียบร้อย พร้อมใช้งาน เมื่อปืนกระแทกพื้น
จึงขับลูกกระสุนวิ่งเข้าหาลุงอินในแนวตรง
......ลุงอิน พรานป่า ที่ใช้ชีวิตอยู่กับการล่า
ก็ยังคงจบชีวิตด้วยการล่า ลุงอินผู้ยิงปืนแม่นเหมือนจับวาง
ก็จบชีวิตด้วยการยิงครั้งสุดท้ายที่แม่นยำด้วยตัวแกเอง
ลุงอิน...........
ความประมาท แม้ว่าเป็นคำง่ายๆ
ทุกคนรู้จักคำนี้มานานแสนนาน แต่เชื่อไหมว่า
ทุกคนก็ยังดำเนินชีวิตอยู่บนความประมาทตลอดเวลา
หากตระหนักถึงความสูญเสียที่เกิดขึ้น จง คิด ทำ และพูด
อยู่บนความไม่ประมาท คิด อย่างระมัดระวัง วิเคราะห์ ไตร่ตรองด้วยเหตุด้วยผล
อย่าใช้อารมณ์ อย่าใช้ความเคยชิน
|